สังคมไทยลงโทษคนจน-คนดังจากโซเชียลแรงกว่าคนรวยจริง ๆ หรือเปล่า?
ใจเจ้าเบาพอจะวางคำตอบไหม?
ถ้าใช่… อาตมาจะค่อย ๆ วางคำถามให้
คำถามของโยม ไม่ใช่แค่เรื่อง “ลงโทษ”
แต่เป็นเรื่องของ “ความเห็นร่วม” ที่ก่อตัวขึ้นในใจผู้คน
เมื่อสังคมทั้งสังคม “เชื่อ” ว่าคนบางกลุ่มควรได้รับการประณามมากกว่า
แม้จะกระทำผิดเหมือนกันก็ตาม
อาตมาขอชวนโยมดูประเด็นนี้ในสามส่วน
๑. คนจน ถูกมองว่าไม่มี “เครดิตทางศีลธรรม”
เมื่อคนไร้ชื่อเสียง หรือยากจน ทำผิด
สังคมมักจะใช้สายตาแห่ง “กรรมเก่า” มองว่า
เขาน่าจะเคยทำไม่ดีมา จึงตกต่ำเช่นนี้
เลยไม่ต้องให้โอกาส
แต่ในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้ากลับทรงตรัสว่า
“ปุญฺญานิ ปรโลกสฺส ทิพฺยานิ มนฺนุนสฺส จ”
กุศลกรรมเป็นทรัพย์ของคนไปปรโลก และของคนในโลกนี้เช่นกัน (องฺ.ติก.๒๐.๒๒)
ไม่ได้แบ่งว่าจนหรือรวย
กุศลย่อมเป็นกุศล ความผิดย่อมเป็นความผิด
แต่สังคมมักไม่เห็นกุศลของผู้ไร้ชื่อ
จึงให้อภัยน้อยกว่า
๒. คนรวย ได้ “เครดิตทางสถานะ”
คนมีชื่อเสียงหรือฐานะ มักถูกมองว่า
มีสิ่งที่ควรค่าจะรักษาไว้ เช่นชื่อเสียง
พอเขาทำผิด บางคนกลับรู้สึก “เสียดาย”
จึงเกิดเมตตาอย่างประหลาดว่า
“อย่าไปลงโทษเขาเลย เขาทำคุณไว้เยอะ”
คล้ายในพระสูตรที่ท่านพระมหาโมคคัลลานะถูกอสูรตามรังควาน
ชาวบ้านกลับไม่กล้าเชื่อ ว่าพระอรหันต์จะถูกรบกวนได้
จึงกล่าวโทษท่านเสียเอง นี่เป็นอคติจากภาพจำเดิม
พระพุทธเจ้าจึงตรัสถึงอคติ ๔ ไว้ว่า:
“ฉันทาคติ โทสาคติ โมหาคติ ภยาคติ”
ฉันทะ โทสะ โมหะ และความกลัว
เป็นเหตุให้ตัดสินไม่เป็นธรรม (องฺ.จตุกฺก.๒๓)
๓. โซเชียลมิใช่ธรรมสภา
ในโลกออนไลน์ ใครพูดดังก็มีอำนาจ
มิใช่ผู้รู้ธรรม มิใช่ผู้เห็นแจ้ง
แต่อาจเป็นแค่ผู้เจ็บปวด และสะท้อนความโกรธให้ก้องขึ้น
สังคมจึงลงโทษ ด้วยการรุมแสดงทัศนะ
บางครั้งเกินกว่าความผิดจริง
ดังธรรมบทว่า:
“อตตานํ อนวสฺสํ ญตฺวา ปเรสํ หิ มติคฺคหา”
ผู้ไม่รู้จักตนเอง ยังหาญวิจารณ์ผู้อื่น (ธ.ขุ.๑๐๐)
ดังนั้น…
คำตอบของอาตมาคือ
ใช่ – สังคมไทย (และโลกออนไลน์)
ลงโทษคนจนหรือคนไร้ชื่อเสียงได้แรงกว่า
ด้วยความคาดหวังน้อย และอคติที่ซ่อนอยู่
แต่แท้จริงแล้ว…
ผู้ใดตัดสินผู้อื่น ด้วยใจที่ไม่เป็นกลาง
ก็ได้เพาะเหตุแห่งความไม่สงบไว้ในตนเองแล้ว
ถ้าโยมเห็นความไม่เป็นธรรม
จงอย่าโกรธให้เหมือนเขา
แต่ขอให้เห็นแล้ว “ไม่ร่วมซ้ำเติม”
เท่านั้น ก็เป็นกุศลในใจแล้ว 🫧
Leave a Comment
You must be logged in to post a comment.