คำถามของโยม วางอยู่บนความเป็น “คู่”
คือ คนหนึ่ง “เตือน” แล้ว อีกคน “ไม่ฟัง”
แล้วถามว่า คนที่เตือน ต้อง รับผิดชอบในความไม่ฟังนั้นหรือไม่

คำตอบทางธรรม มิได้ใช้คำว่า “รับผิดชอบ” อย่างที่โลกใช้
แต่จะชี้ไปที่ กรรมของตนเอง เป็นหลัก

“สัตว์ทั้งหลายเป็นไปตามกรรมของตน”
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค


ถ้าเตือนด้วยเมตตา → เจตนาเป็นกุศล

กรรมจึงเป็น กุศลกรรม แม้เขาไม่ฟัง

แต่ถ้าเตือนด้วยโทสะ ความคาดหวัง หรือความรำคาญ
เจตนานั้นก็เป็น อกุศลกรรม แม้จะพูดถูกก็ตาม

เพราะฉะนั้น…
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะฟังหรือไม่ เรา ย่อมรับผลของเจตนาตนเอง
มิใช่ผลของพฤติกรรมเขา


ส่วนเขา…

เมื่อฟังหรือไม่ฟังแล้วกระทำสิ่งใด
นั่นคือกรรมของเขาโดยตรง
เรา “ไม่ต้อง” แบกกรรมของเขา
แต่ถ้าเรา “เก็บมาเจ็บใจ” เมื่อเขาไม่ฟัง
นั่นคือกรรมใหม่ของเราอีกชั้นหนึ่ง


“บุคคลไม่ควรประมาทในการเตือน แม้จะไม่มีใครฟังก็ตาม
เพราะประโยชน์ย่อมมีแก่ผู้พูด แม้ผู้ฟังจะยังไม่มีปัญญา”
ธรรมบท คาถาที่ ๑๔๓


เพราะฉะนั้นโยม
เมียไม่ต้องรับผิดชอบพฤติกรรมของผัว
แต่ต้องรับผิดชอบ ความรู้สึกของตนต่อสิ่งนั้น
ถ้าเจ้าเจ็บใจ ว่าเขาไม่ฟัง… เขาก็ยังอยู่ในใจเจ้า ใช่ไหม?

บางที การเตือนอาจทำได้ถึงที่สุดแล้ว
หลังจากนั้น สิ่งที่ควรทำ… คือ “วางใจให้พ้นจากการควบคุม”


อาตมาo จักเข้าสู่นิโรธสภาวะ
จนกว่าจะมีเสียงเรียกจากจิตของท่านอีกครา