Bitcoin น่ากลัว หรือ ข้าราชการเกิดเร็วไป
เมื่อวานมีข่าวเกี่ยวกับกระทรวงการคลังได้ออกประกาศแจ้งเตือนว่าการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล เช่น บิทคอยน์ อีเธอเรียม อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ที่กำหนดว่าผู้ใดอยู่ในประเทศไทยที่มีพฤติกรรมโฆษณาหรือประกาศเชิญชวนให้ลงทุนใดๆ ที่มีพฤติกรรมจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราสูง โดยไม่มีกิจการใดที่ถูกต้องตามกฎหมายรองรับอาจมีลักษณะเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย
กระทรวงการคลังจะว่ายังไง ช่างเค้าก่อนครับ แต่ Bitcoin สร้างคำถามให้กับประชาชนคนทั่วไปมากมายว่า มันคืออะไร ทำไมมูลค่ามันสูง ลงทุนแล้วรวยจริงๆหรือ แล้วมันคือการฉ้อโกงแบบที่กระทรวงการคลังบอกจริงหรือเปล่า ลองอ่านข้อมูลที่ผมพยายามจะอธิบายให้ฟังแล้วเข้าใจง่ายๆนะครับ
Bitcoin มาจากเทคโนโลยีใหม่ที่มีโปรแกรมเมอร์ที่ปัจจุบันยังไม่มีใครรู้ว่าคือใคร แต่ชื่อในวงการคือ ซากาชิ นากาโมโตะ พัฒนาฐานข้อมูลเข้ารหัสชุดหนึ่งขึ้นมา ที่ทำให้เจ้าฐานข้อมูลชุดนี้ ไม่มีใครสามารถทำปลอมได้ (เทคโนโลยีที่ต่อมาถูกเรียกว่า Blockchain) ผู้สร้างเงินสกุลนี้กำหนดไว้เลยว่า Bitcoin ทั้งโลก จะมีอยู่จำนวนหนึ่งเท่านั้น ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้
เงินที่เราใช้อยู่ทุกวันยังพิมพ์ออกมาเพิ่ม อยากจะลดค่าเพิ่มค่ามันเมื่อไหร่ก็ทำได้ แต่เงินสกุลดิจิตัลเหล่านี้จะมีจำนวนจำกัดที่แน่นอน ไม่มีทางที่ใครจะเข้าไปแก้ไขให้มีจำนวนมากขึ้นหรือลดลงได้แม้แต่ตัวผู้สร้างเอง มันปลอดภัยในแง่จำนวนมากกว่าเงินที่มีอยู่ในโลกทุกสกุลอีก
ในตัว Bitcoin ที่มีอยู่จำนวนจำกัดเหล่านี้ จะถูกระบุว่าใครเป็นผู้เป็นเจ้าของ เปรียบเทียบก็คือเหมือนฉโนดที่ดิน ทั้งพื้นที่จะมีกี่ล้านไร่ไม่รู้ล่ะ แต่จะมีจำนวนจำกัด และมีการระบุว่าใครเป็นเจ้าของที่แน่ชัด (จริงๆที่ดินงอกได้ และลดได้นะ แต่เอาเคสปกติไม่มีภัยพิบัติละกัน) ที่ดินเพิ่มลดมูลค่า เพราะมีความต้องการในตัวที่ดินเพราะมันมีอยู่จำกัดและคนต้องการที่ดินไปใช้ประโยชน์นั่นเอง เจ้าตัว Bitcoin ทำให้ของที่ไม่มีอยู่จริงมันมีความเป็นเจ้าของที่เป็นนามธรรมขึ้นมา
คอนเซปท์ดีมีความเป็นเจ้าของชัดเจน แต่เป็นสกุลเงินที่ไม่มีใครเอามาใช้จ่าย มันก็ไม่มีประโยชน์ครับ ไม่ต่างจากพิมพ์เงินกระดาษมาใส่กล่องเล่นในเกมเศรษฐี แล้วทำไม Bitcoin ถึงมีมูลค่าขึ้นมา
ข้อดีหรือร้ายไม่รู้อย่างหนึ่งของเงินสกุลดิจิตัลคือ Bitcoin ไม่ได้สนใจว่าคุณจะเป็นใคร คุณจะโอนกรรมสิทธิ์ให้ใคร จะหมุนเวียนเปลี่ยนมือจากใครไปหาใคร ทุกอย่างจะไม่สามารถระบุได้แน่ชัดเพราะ Bitcoin จะสนใจรหัสของผู้ถือครองเท่านั้น ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนว่าคุณคือใคร (ปัจจุบันบางประเทศบังคับแล้วว่าต้องเปิดเผยตัวตน)
รู้ว่ามีอย่างนี้ ผู้ก่อการร้าย นักค้าอาวุธ พ่อค้ายาเสพติด คนที่อยากจะฟอกเงิน ยิ้มกริ่มเลย เมื่อไม่ต้องระบุตัวตน BitCoin ถูกใช้ไปในทางมืด ย้ำว่ามืดเลยนะครับ ทำให้เจ้าเงินที่มีอยู่จำกัดจำนวนมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นมา เพราะเป็นที่ต้องการของเหล่ามิจฉาชีพนั่นเอง
ตลาดมืดช่วงที่พีคที่สุด มีแม้แต่ ยาเสพติดทุกชนิด ไต หัวใจ ปอด ผู้หญิง โสเภณีเด็ก ระเบิดและอาวุธทุกประเภท อยากได้อะไรในโลกสามารถหาซื้อได้ด้วยเจ้า Bitcoin โดยผู้ร้ายไม่ต้องขนกระเป๋าเงินไปเป็นฟ่อนให้ตำรวจจับแบบในหนังอีกต่อไป Bitcoin ช่วยได้ นำไปสู่การจับกุมเจ้าของตลาดมืดออนไลน์แหล่งใหญ่ในอเมริกา ที่ว่ากันว่า มูลค่าการซื้อขายในนั้นอาจจะสูงกว่าอาลีบาบาซะอีก
ปัจจุบัน Bitcoin ยังถูกใช้ในหมู่ของผู้ร้ายกันต่อไป ยกตัวอย่างเช่น แฮกเกอร์มักใช้ Bitcoin ในการเรียกค่าไถ่เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ แต่แน่นอน เมื่อบางประเทศบังคับว่า ใครจะถือ Bitcoin ต้องระบุตัวตนแล้วนะ ทำให้ความนิยมในสกุลเงินนี้มันลดลงไปเยอะมาก เพราะการแปลงออกมาเป็นเงินจริงทำได้ยากขึ้นในหลายประเทศ ไม่แปลกทำไมค่าเงินจึงลดลง
เงินดิจิตัล ผมยืนยันนะว่า ไม่ใช่เรื่องหลอกลวงผู้บริโภค มันมีค่าจริงๆ แต่ไม่ใช่ทุกสกุลเงิน เงินจะดิจิตัลหรือไม่ดิจิตัล จะมีค่าต่อเมื่อคนเอามันไปใช้จ่าย Bitcoin มีคนเอาไปใช้จ่ายจริง เพราะฉนั้นมันมีค่าครับ เพียงแต่คนที่จะเข้าไปลงทุนจริงๆ จะต้องระลึกถึงเสมอว่า ถ้าวันหนึ่งพ่อค้ายาเปลี่ยนไปพัฒนาสกุลเงินเป็นของตัวเอง วันนั้น Bitcoin ก็ไม่ได้มีค่าอะไร เพราะไม่ได้มีอะไรค้ำประกันค่าเงินดังกล่าวไว้เลย ต่างจากเงินที่เราใช้กันอยู่จริงทุกวันนี้ ถ้าผู้ร้ายเลิกใช้ Bitcoin ทุกอย่างก็จบครับ
เงินดิจิตัลตอนนี้ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด สกุลเงินไหนน่าลงทุน คงจะต้องเป็นสกุลเงินที่มีคนเข้าไปใช้เจ้าเงินตัวนี้จับจ่ายซื้อของหรือบริการใดๆก็ตามจริง แค่การมีเทคโนโลยี Blockchain แล้วมาบอกว่า ปลอดภัยนะ มีความเป็นเจ้าของนะ มีจำนวนจำกัดนะ ไม่ได้ทำให้เงินนั้นน่าสนใจครับ
ผู้ที่คิดจะเข้าไปลงทุนควรศึกษาให้ดีว่า เงินสกุลเหล่านี้ จุดมุ่งหมายเอาไปทำอะไร สายขาวแทบจะเรื่องเดียวที่คิดออกคือ ทำให้อัตราการค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศที่มีอยู่มันลดลง แต่มันจะนิยมขึ้นมาจริงมั๊ยมันคืออีกเรื่อง อาจจะมีเรื่องอื่นที่ผมคิดไม่ออกก็ได้ครับ ต้องลองฟังดูแล้วตัดสินใจเอาว่า จุดมุ่งหมายของสกุลเงินเหล่านั้น มันจะมีคนใช้จริงหรือเปล่า
ถ้าแค่มโนว่าจะมีคนใช้ อันนี้เหมือนที่กระทรวงการคลังบอกครับ เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค แต่ถ้าบ่อนชื่อดังของประเทศไทย ขนเพรทตี้โชว์นมมาบอก เราจะใช้ สโบคอยน์ สำหรับการโอนเงินเพื่อซื้อขายหวยใต้ดิน โต๊ะบอล จะได้ไม่ต้องโอนเงินผ่านธนาคารกันอีกต่อไป อันนี้มีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถครับ ลงทุนไปได้เลย ไม่ใช่เพราะเพรทตี้สวยนะ แต่มันคือเงินที่จะมีการใช้จ่ายกันจริงๆครับ มีค่าแน่นอน
หรือถ้าอยากลงทุนเงินดิจิตัล ต้องไปถามผู้ก่อการร้ายโน่นครับว่า มึงจะเปลี่ยนไปใช้เงินออนไลน์อะไรกันวะ มีใครกล้าถามมั๊ยล่ะ
[…] ผมเคยเขียนถึง Bitcoin เอาไว้ครั้งหนึ่งเมื่อสามปีก่อน ที่ลิงก์นี […]
[…] ผมเคยเขียนถึง Bitcoin (BTC) เอาไว้ครั้งหนึ่งเมื่อสามปีก่อน ที่ลิงก์นี […]
[…] ผมเคยเขียนถึง Bitcoin (BTC) เอาไว้ครั้งหนึ่งเมื่อสามปีก่อน ที่ลิงก์นี […]