ดูออสการ์แล้วย้อนดูตัวเอง
ผ่านไปอีกหนึ่งปีกับงานประกาศรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 90 ปีนี้แม้จะไม่ได้มีหนังที่โดดเด่นออกมา แต่มีหลายแง่มุมที่น่าสนใจจนต้องเก็บมาบันทึกไว้
จุดแรกคือ #TimesUp ที่ต่างประเทศมีการเคลื่อนไหวให้เหล่าผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดทางเพศ ออกมาเปิดเผยความจริงต่อสาธารณะชน เป็นผลให้ดารานำชายของปีที่แล้วอย่าง เคซี่ย์ แอฟเฟล็ค ต้องตกลงใจที่จะอยู่บ้าน ไม่มาประกาศผลดารานำหญิงในปีนี้ตามประเภณีที่เคยเป็น อีกคนที่มาแต่อยู่เงียบๆคือ เจมส์ ฟรังโก้ ดารายอดฝีมือที่ยังไม่หลุดพ้นข้อหาลวนลามนักแสดงตัวประกอบ
ตอนนี้เหล่าดารา ผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง ทั้งหนุ่มทั้งแก่ โดนออกมาเปิดโปงไปตามๆกัน การจัดการเรื่องนี้ของโดยแต่ละคนต่างกัน และยังคงจะมีคนที่คงหมดอนาคตในวงการไปอีกหลายคนจากเรื่องนี้ บางคนโดนขุดเรื่องราวย้อนอดีตไปกว่าสิบปี ต้องบอกว่า สรรพสิ่งเป็นไปตามกรรมจริงๆ
ผมเคยพิมพ์ไว้ว่า เราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราได้ทำลงไปเสมอ จากบทความที่แล้วเกี่ยวกับการติดตามข่าวและการคิดบวก เรื่องนี้ทำให้เห็นว่ามันไม่ผิดไปเลย
จุดต่อมา ปีนี้ออสการ์ เป็นปีของความหลากหลายทางชาติพันธุ์ มีทั้งหนังจากคนอเมริกันซึ่งยึดครองพื้นที่รางวัลนี้มานาน หนังสยองขวัญจากเหล่าคนผิวสีที่กลายเป็นหนังทำเงินและทำกล่องแห่งปี หนังจากชนชาติชั้นสองในอเมริกาอย่างเม็กซิโก หนังจากผลผลิตของผู้หญิง
สิ่งหนึ่งที่ทุกคนพูดเหมือนกันคือ อย่าหยุดที่จะฝัน ทุกคนฝันไว้ว่าจะมาเป็นส่วนหนึ่งของฮอลลีวู๊ด แม้ไม่ได้เป็นชนชาติเจ้าของรางวัลนี้ ผมเพิ่งอ่านหนังสือของ Bob Proctor จบบทที่สามพอดี ไว้จะมาเขียนถึงอีกทีครับ
จุดท้ายสุด ผมเพิ่งทราบว่า แกรี่ โอลด์แมน และกิลยิโม่ เดล โทโร่ ไม่เคยได้รับออสการ์ เฉกเช่นเดียวกับศิลปินหลายคน ความพยายามทำงานหนักและรักษามาตรฐานมาหลายปี จนทุกคนให้การยอมรับ วันนี้คนทั้งคู่ได้ยืนอยู่ในจุดหนึ่งที่สูงสุดในอาชีพทางการแสดงและการกำกับหนังเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำได้แล้ว
จริงๆบุคคลทั้งคู่เป็นตำนาน จะได้ออสการ์หรือไม่ ไม่ได้มีผลต่อสถานะความเป็นตำนานของพวกเขา แต่ทั้งคู่ยังตั้งหน้าตั้งตาผลิตผลงานดีๆออกมาให้เราได้ชมกันเรื่อยๆ วันนี้ออสการ์คือรางวัลให้แก่พวกเขา
เห็นแล้วเป็นแรงบันดาลใจให้กับพวกเราได้เป็นอย่างดีว่า ทำต่อไป ทำในสิ่งที่เรารัก ผลสำเร็จจะมาสู่เราในวันหนึ่ง
Leave a Comment
You must be logged in to post a comment.