การเมือง is a มวยปล้ำ ยุคที่ 2 พี่เป็นคนเทาๆ
หลังจากวงการมวยปล้ำเป็นไปตามสูตรเดิมๆ สร้างคาแรกเตอร์ซุปเปอร์ฮีโร่มาสู้กับตัวร้าย จนท่านผู้ชมเริ่มเบื่อ เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น Hulk Hogan หักหลังแฟนมวยปล้ำทั้งโลก และกลายไปเป็นตัวร้าย ในอเมริกาถึงขั้นมีการเผาเสื้อประท้วงกันเลยทีเดียว แต่นั่นทำให้เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่จะมาเป็นเทรนด์ในสังคมในช่วงต่อมา
ณ เวลานั้น สมาคมมวยปล้ำใหญ่ๆจะมีกันอยู่สองสมาคม คือ WWE และ WCW สิ่งที่เกิดขึ้นคือ สองสมาคมได้ช่วงเวลาฉายทางโทรทัศน์พร้อมๆกัน ทำให้ทั้งสองค่ายต้องทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งคนดู WCW เริ่มขึ้นนำ หลัง Hogan ย้ายข้างไปอยู่ฝั่งอธรรม และ NWO ครองพื้นที่สื่อ เนื่องจากเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ฝ่ายอธรรมได้รับบทเด่นอย่างเห็นได้ชัด คนเปิดไปดูว่า NWO วันนี้จะทำอะไรกันมากกว่าจะเปิดไปดูว่า ฝ่ายพระเอกจะสู้กับ NWO ยังไง
ฝ่าย WWE สรรหาทุกวิถีทางมาสู้รบ ตั้งแต่ให้ผู้หญิงมาแก้ผ้ากลางเวที (แก้ผ้าจริงๆครับ เห็นนมเลย), หานักมวยปล้ำที่สมมุติว่าเคยเป็นดาราหนังโป๊มาก่อน ทำอะไรที่เรียกเรทติ้งได้ WWE ทำทุกวิถีทาง แต่คนก็ยังสนใจในผู้ร้ายมากกว่าคนดี
เตชะบุญของ WWE คาแรกเตอร์ใหม่ๆเกิดขึ้น เริ่มจากความบังเอิญของนักมวยปล้ำที่พยายามจะทำตัวไม่อยู่ในกฏกติกามารยาทของ Stone Cold Steve Austin ที่ตั้งใจจะให้ตัวเองเป็นมหาวายร้าน แต่ยิ่งทำยิ่งทำ คนยิ่งเชียร์ จนในที่สุด กลายเป็นสัญลักษณ์ของนักมวยปล้ำสีเทาๆ พระเอกประเภทไม่ยอมให้ใครมากดขี่ ในขณะเดียวกันกับที่ Vince McMahon ถูกสร้างขึ้นมา ให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าของบริษัท ผู้ที่พยายามจะสร้างนักมวยปล้ำ ให้อยู่ในกรอบที่ตัวเองกำหนด
จากเดิมที่เรามี Hulk Hogan ทำอะไรขาวสะอาด กินอาหารคลีน พูดจาไพเราะ ในยุคนั้น Stone Cold กลายเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามออกไปอย่างสิ้นเชิง ทำอะไรไม่สนกติกา ไม่เว้นหน้าเจ้าของค่าย ชอบดื่มเบียร์เป็นชีวิตจิตใจ พูดจาห้วนๆและชอบชูนิ้วกลาง
ความนิยมเริ่มพุ่งขึ้นอีกเมื่อจังหวะนั้นกลุ่ม D-Generation X ที่เป็นพวกไม่ฟังเสียงใคร อยากทำอะไรก็ทำ วันดีคืนดีอยากจะไปท้าตีกับ WCW ก็ทำ เริ่มได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่รวมถึงการมาของ the Rock เด็กสร้างของ Vince McMahon ที่กลายเป็นตัวแทนของคนที่เจ้าของอยากให้เป็นแชมป์ ทั้งหล่อหน้าตาดี คารมคมคาย แต่งตัวเนี๊ยบ เป็นพระเอกในอุดมคติ
ด้วยสิ่งที่พระเอกไม่ใช่แค่เลวแต่กลายเป็นคนสีเทาๆ ผู้ร้ายกลายเป็นคนที่ทำตัวดีเนี๊ยบเป็นเด็กปั้น บวกกับสภาพเศรษฐกิจที่เรื่องของทุนนิยมมันมาถึงจุดที่คนเริ่มทนไม่ไหวกับบรรดาผู้บริหารชั้นสูงที่สนใจแต่รายได้ตัวเอง ไม่ได้คิดจะแบ่งผลกำไรลงมาสู่ชนชั้นปฎิบัติงานซึ่งมี Stone Cold เป็นเหมือนสัญลักษณ์ ทำให้ยุคนี้กลายเป็นยุคที่มวยปล้ำได้รับความนิยมสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ยอดขายของที่ระลึกของ Stone Cold และ the Rock มากชนิดที่เรียกได้ว่า ดัน Vince McMahon ให้กลายเป็นเศรษฐีพันล้านคนใหม่กันเลยทีเดียว
ในภาพยนตร์ เราก็จะเริ่มเห็นภาพของพระเอกซูปเปอร์ฮีโร่ที่ไม่ได้มีแต่ด้านบวก เรามีแบทแมนที่มีปัญหาชีวิตส่วนตัว เรามีกัปตันแจ็กสแปร์โร่ว์ผู้ที่เอาตัวรอดไว้ก่อน หรือแม้แต่เจมส์ บอนด์ ก็ถูกปรับปรุงให้ตัวละครมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น นั่นคือไม่ได้จะต้องทำดีอยู่ตลอดเวลา พระเอกเริ่มเป็นคนสีเทาๆ ในขณะที่ผู้ร้ายก็มักจะมีเหตุผลดีๆเป็นของตัวเอง
การเมืองก็เช่นกัน คนเริ่มจากจะต้องมานั่งสนใจว่า ตัวแทนของเราจะต้องขาวใสบริสุทธิ์ ประวัติไร้มนทิน กลายเป็นเอาการกระทำที่เราถูกใจไว้ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง ไม่จำเป็นต้องเลือกคนดี แค่คนที่เรารู้สึกว่า ทำแบบนี้มันใช่ ไม่ต้องมีเหตุมีผลอะไรมาก เพราะคนทุกคนมันเป็นสีเทาอยู่แล้ว ถ้าในบ้านเราก็คือช่วงเสื้อเหลือง เสื้อแดงนั่นเอง
แต่พัฒนาการของคาแรกเตอร์ต่างๆมันยังไม่จบลงแค่นี้ เมื่อเราเข้าสู่ยุคที่คนเริ่มรู้ว่า ไอ้ที่เห็นมันคือการแสดง คนเริ่มรู้สึกว่าสุดท้ายมวยปล้ำมันคือการเขียนบท เราก็มีพระเอกคนใหม่ที่ชื่อ John Cena จุติขึ้นมา
Leave a Comment
You must be logged in to post a comment.