ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยมีอยู่จุดหนึ่ง ติดตามข่าวสารทุกอย่างในเมืองไทย ประเภทที่เรียกว่า เกาะติด เกาะลึก ยิ่งด้วยความเป็นคนที่หาข้อมูลได้ค่อนข้างเก่ง อะไรเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ ผมรู้วิธีที่จะหาข้อมูลมาได้ เรียกกันว่า สมัยก่อนติดตามอ่านทวิตเตอร์ของผม ไวกว่าโทรทัศน์บางช่องเสียอีก

ด้วยความที่ผ่านอารมณ์ รัก​ โลภ โกรธ หลง กับข่าวต่างๆมามาก เคยเป็นเกรียนคีย์บอร์ดประเภทยอมคนไม่ได้ จนวันหนึ่งผ่านไป เรารู้สึกไม่ชอบในสิ่งที่เราเป็นเลย บางทีเห็นนักการเมืองที่เขามีหน้าที่แสดงบทบาทก้าวร้าว พูดอะไรผิดหูหน่อย ผมอารมณ์เสียไปได้ทั้งวัน จนวันนั้นมันกลายเป็นวันแย่ๆ จากคำพูดของคนที่เราไม่รู้จัก ทั้งที่เอาจริงๆคำพูดหรือการกระทำของเขาไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตของเลยด้วยซ้ำ

ว่ากันตามตรง ดีที่สุดถ้าใครทำได้คือ อะไรที่ไม่เกี่ยวกับเรา อย่าไปรู้มันเลยดีกว่า แต่แน่นอน เราไม่ได้มีชีวิตอยู่ในป่า การไม่รับรู้อะไรเลยคงเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะในยุคข้อมูลข่าวสารวิ่งเข้าหาเราได้ง่ายแบบนี้

ทางสายกลางที่สุดคือ รับรู้ แต่พยายามอย่าไปมีอารมณ์ร่วมกับมัน และข้อสำคัญ อย่าพยายามเปรียบเทียบเหตุการณ์หนึ่งกับอีกเหตุการณ์หนึ่ง ต่างกรรมต่างวาระ ว่ากันไปตามเหตุตามผล

อย่าไปมีอารมณ์ร่วม ยกตัวอย่างง่ายๆ มีคลิปเหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้นบนท้องถนนไม่เว้นแต่ละวัน จนมักจะมีคำพูดว่า ผู้คนสมัยนี้เป็นอะไรกันไปหมด จริงๆผู้คนสมัยนี้ ไม่ได้จิตใจแย่นะครับ การที่ผู้คนทะเลาะกันเพราะเหตุเล็กๆน้อยๆไม่ใช่เรื่องแปลก มีมานานแล้ว สมัยก่อนเหยียบเท้ากัน ยิงกันตายมีเยอะแยะ เพียงแต่เรารับรู้ข่าวสารพวกนี้ได้ง่ายขึ้น มีภาพให้เราชม ทำให้เราวิตก

พอเรามีอารมณ์ร่วม เราจะเริ่มวิตกในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น และอาจจะไม่มีวันเกิดขึ้นในชีวิตของเราเลยก็ได้ ซึ่งไม่รู้ว่า จะวิตกในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นไปทำไม สิ่งที่เราควรทำคือ มีสติ และเตรียมพร้อม ไม่ถึงต้องพกอาวุธไว้บนรถ แค่เอาเป็นว่า กล้องหน้ารถเรามีมั๊ย ประกันเรามีพร้อมมั๊ย สุดท้าย อย่าไปคิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นครับ ยิ่งคุณคิดวิตกถึงเรื่องพวกนี้มากเท่าไหร่ ตามกฏของ Law of Attraction เราจะดูดสิ่งร้ายๆเข้ามาหาตัวเรามากขึ้นเท่านั้น

อีกข้อสำคัญคือ อย่าพยายามเปรียบเทียบเหตุการณ์หนึ่งกับอีกเหตุการณ์หนึ่ง หลายครั้งเราจะเจอความเห็นทำนองว่า คนนั้นโดนอย่างนั้น ทำไมคนนี้โดนอย่างนี้ หรือ คุกมีไว้ขังคนจน ไม่ได้ไว้ขังคนรวย

โลกนี้มันไม่ได้มีความยุติธรรมอยู่แล้วครับ คนทำผิดคนละคดีกัน เราจะชั่งน้ำหนักว่า ทำผิดแบบไหน เลวกว่าแบบไหนเป็นเรื่องที่บอกได้ยากมาก สุดท้ายเราทำได้แค่เขียนกฏหมายออกมาเป็นกติกา ทำแบบนี้คุณได้รับกรรมแบบนี้ ทำแบบนี้คุณไม่ผิดแค่โดนประนาม

คนรวยติดคุกมีเยอะ ตายในคุกก็เยอะ โดนประหารก็เคยมี แต่ถ้าเอามาเปรียบเทียบ สุดท้ายจะทำให้ชีวิตดูไม่ยุติธรรมเอาซะเลย

ถ้าเราเปรียบเทียบไปเรื่อยๆ บางคนเป็นคนดีมาตลอดชีวิต ทำผิดเรื่องเดียวติดคุกนานกว่า คนชั่วๆบางคนที่ได้เข้าออกคุกเป็นว่าเล่น

คนรวยอาจจะมีทางเลือกมากกว่าที่จะไม่ติดคุก แต่ผมไม่เชื่อว่า คนที่หนีคดีไปอยู่เมืองนอก จะมีชีวิตปกติสุข โดยไม่รู้สึกว่า จะมีคนเดินตามมาจับเขาซักวันหนึ่งหรือเปล่า นั่นเป็นเหตุผลที่คนรวยหลายคน เลือกที่จะติดคุก และใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขหลังจากเดินออกจากคุกมา

ไม่มีทางที่เราจะเขียนกฏหมายออกมาได้ถูกใจคนทุกคน สิ่งที่เราทำได้คือ อย่าไปทำตัวให้อยู่ในสถานะที่จะมีปัญหากับกฏหมาย หรือศีลธรรมอันดีงามที่มนุษย์พึงมี ต่อให้รวย แต่ไปทำอะไรรุ่มร่ามไม่ถูกกติกา คุณไม่ติดคุก ชีวิตคุณจะมีปัญหาตามมาอยู่ดี และคุณต้องรับผลกรรมจากสิ่งนั้น แค่ขับรถเร็ว โดนตำรวจจับกล้องได้ ส่งใบสั่งมาเก็บเงินเราถึงบ้าน เราก็ไม่มีความสุขแล้ว

ทำตามกฏกติกาบ้านเมือง ถึงแม้มันจะมีกฏหมายขัดใจเราขนาดไหน แต่สุดท้าย เราต้องปรับตัวและอยู่กับมันให้ได้ หรือไม่เราต้องเปลี่ยนสถานะไปเป็นคนออกกฏหมาย เราจะได้กฏหมายตามใจเรา แต่สุดท้ายจะมีคนไม่พอใจท่านอยู่ดี  ชีวิตเป็นแบบนี้ครับ

หวังว่าคงได้แนวทางไปปฏิบัติกันนะ

Written By

Yodfah

Head of Information Technology at Thai Optical Group plc., Digital Transformation Consultant, Crypto Bagman creator และ ผู้แปลเนื้อหาเกมและแอดมิน Pokémon Go Thailand League