บทความนี้ปรับปรุงจากบทความเดิม ก่อนการทำ London Upgrade บทความดั้งเดิมสามารถอ่านได้ที่นี่

สกุลเหรียญอันดับสองที่ของโลก เจ้าของฉายา ราชินีแห่งคริปโต เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Ethereum แต่ความเป็นจริงแล้ว Ethereum ไม่ใช่เหรียญอย่างที่หลายคนเข้าใจ ราชินีผู้นี้ไม่มีอะไรที่เหมือน Bitcoin เลยซักนิด แล้วจริงๆ ราชินีแห่งเหรียญคือใคร ทำไมจึงกลายเป็นสกุลเหรียญอันดับสองของโลก มาพบคำตอบกันครับ

Ethereum คืออะไร

จริงๆแล้ว Ethereum นั้น เป็นโครงข่ายคอมพิวเตอร์ที่ทำงานร่วมกันโดยใช้เทคโนโลยี Blockchain ผ่านทฤษฎีที่ว่า ในเมื่อการเก็บข้อมูลไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางอีกต่อไป แล้วทำไมเราจะยังต้องมีเซิฟเวอร์กลางในการสร้างแอพพลิเคชั่น กลายเป็นที่มาของ Decentralized Application (DAPP)

ยกตัวอย่างอย่างง่าย ปัจจุบัน เรามีโปรแกรมบัญชีที่สามารถทำงานออนไลน์เยอะแยะมากมาย แต่ทุกแอพพลิเคชั่นจำเป็นต้องคำนวณและฝากข้อมูลอยู่ที่เซิฟเวอร์ที่อยู่บนคลาวด์คอมพิวเตอร์ นักพัฒนาหนุ่มชาวรัสเซียจึงบอกว่า ทำไมเราไม่เอาคอมพิวเตอร์ทั่วโลกมาทำงานด้วยกันผ่าน Blockchain ทำแบบนั้นจะไม่จำเป็นต้องมีเซิฟเวอร์กลางอีกต่อไป

สมมุติเราทำบัญชีบน DAPP ข้อมูลจากอุปกรณ์ของเราจะถูกส่งไปยังเครือข่าย Ethereum แทนที่จะส่งไปที่เซิฟเวอร์แม่ที่เดียว หลังจากนั้นเครือข่ายจะทำการประมวลผล โดยเหล่านักขุดเหมือง Ethereum นั่นเอง และส่งข้อมูลกลับมาที่อุปกรณ์ของเรา ข้อมูลของเราจะถูกบันทึกลงไปในบล๊อกของ Ethereum เป็นการถาวร

สิ่งที่นักพัฒนา DAPP จะต้องจ่ายในการประมวลผลแต่ละครั้งเป็นค่าน้ำมัน ที่เรียกว่า Gas Fee เหรียญที่นำมาใช้เป็นค่าน้ำมันถูกเรียกว่า Ether (ETH) หรือที่เราเรียกกันว่า Ethereum จนติดปากนั่นเอง และในทางกลับกัน สิ่งที่นักขุดเหมือง Ethereum จะได้รับกลับไปก็คือเหรียญ Ether เช่นกัน

Ethereum กับการใช้งานจริง

ปัจจุบัน เครือข่าย Ethereum ถูกใช้งานไปในเชิงของ Smart Contact อธิบายแบบบ้านๆ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนด้วยการพนันฟุตบอลนะครับ (ผมไม่สนับสนุนให้ใครเล่นพนันบอลนะ เอาเงินพนันบอลมาลงคริปโตดีกว่า ได้เงินชัวร์ ลุ้นได้เสียตลอด 24 ชั่วโมงเหมือนกัน)

ปกติการพนันฟุตบอล ไม่ว่าจะพนันกับเพื่อนหรือกับเจ้ามือ ทั้งเราและอีกฝ่ายจะมีความเสี่ยงที่เหมือนกันคือ อาจจะมีฝั่งใดฝั่งหนึ่งเบี้ยวเงินใครขึ้นมาได้ จะเอาเงินมากองไว้ตรงกลางก่อนบอลเตะ ก็กองไม่ได้ เพราะใครจะไว้ใจใครได้ว่าจะไม่เบี้ยวเชิดเงินหนี สุดท้ายมักจะจบกันที่ลูกปืน

Smart Contact เข้ามาแก้ไขปัญหาตรงนี้คือ ให้ทั้งสองฝั่งตกลงทำสัญญากันเลย โดยเอาบัญชีของเราและอีกฝ่ายผูกสัญญากันเอาไว้ เงินยังอยู่ที่กระเป๋าเงินเรา แต่จนกว่าบอลจะเตะจบเอาไปใช้ไม่ได้

เมื่อบอลเตะจบ ผลการแข่งขันเป็นอย่างไร ใครได้ใครเสีย Smart Contract จะทำการโอนเงินตามจำนวนที่ตั้งไว้จากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งโดยอัตโนมัติ

ถ้ายังไม่เห็นภาพลองนึกภาพสิ่งใกล้ตัวเราที่เราคุ้นเคย เช่น ตั้งโต๊ะแชร์แต่ไม่ต้องมีเท้าแชร์, แทงหวยแบบเจ้ามือไม่เบี้ยวเราแน่ๆ หรือง่ายสุด การขายของออนไลน์ที่เราไม่ถูกหัก % จากเจ้าของแพลตฟอร์มแต่เสียค่าธรรมเนียมเท่าเล็บแมว

เมื่อเห็นภาพกันแล้วจากด้านมืด ลองมานึกถึงธุรกรรมหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิต ที่เงินจะต้องผ่านตัวกลางก่อนจะไปถึงจุดหมาย เช่น การแลกเปลี่ยนเงินตรา, การโอนเงินข้ามประเทศ, การซื้อขายสินค้าบริการบางอย่างที่เป็นจำนวนเงินมาก เมื่อผ่านตัวกลางทำให้เกิดค่าธรรมเนียมที่สูง หรือเสียค่าส่วนต่างให้ธนาคาร

เมื่อมีการใช้งาน Bitcoin กับ Ethereum ร่วมกัน จึงทำให้เกิดวิธีการโอนเงินผ่าน Smart Contract ที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่การโอน Bitcoin ถูกโอนจากใครไปหาใคร แทบจะไม่มีทางสืบได้เลย

แต่ Ethereum เอง ไม่หยุดแค่นั้น โดยบอกว่า นอกจากสามารถใช้ Bitcoin แทนเงินในการโอนผ่าน Smart Contract คุณยังสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นเหรียญต่างๆ ผ่านเครือข่ายของ Ethereum โดยใช้มาตรฐานที่เรียกว่า ERC-20 ในการทำธุรกรรมได้อีกด้วย

เป็นต้นกำเนิดของเหรียญเป็นร้อยเป็นพันสกุล รวมถึงเครือข่าย Blockchain ใหม่ๆ ที่พยายามทำตัวเลียนแบบ Ethereum ด้วยเหตุนี้ Ethereum จึงได้ฉายาราชินีแห่งเหรียญ เพราะเธอเป็นเหมือนผู้ให้กำเนิดตัวจริงของวงการนั่นเอง

จุดแข็งของ Ether (ETH)

  • ชุมชนเข้มแข็ง ถูกพัฒนามาก่อนกาล และมีนักพัฒนาในระบบ Ethereum จำนวนมาก ทำให้มีแฟนพันธุ์แท้จำนวนมาก ยากที่จะสูญเสียตลาดไปในอนาคตอันใกล้
  • มีความเป็น Decentralized ที่แท้จริง และด้วยความที่ผู้ใช้งานมีจำนวนมาก ทำให้โอกาสถูกแทรกแซงมีน้อยมาก แม้แต่จากตัวเจ้าของ
  • เหรียญอาจเสื่อมค่าในเร็ววัน แต่ความเป็นแพลตฟอร์มของ Ethereum ทำให้มีความยั่งยืนกว่า (อาจจะยั่งยืนกว่า Bitcoin ด้วยซ้ำ)
  • ERC-20 เป็นที่ยอมรับมาตรฐานในวงการธุรกิจ และนักลงทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จุดอ่อนของ Ether (ETH)

  • ยังคงใช้วิธี Proof of Work ในการตรวจสอบธุรกรรมอยู่ จะได้รับการปรับปรุงเร็วๆนี้
  • Ether เหมือนน้ำมันมากกว่าทองคำ ทำให้ในช่วงที่จำนวนเหรียญ มีไม่สัมพันธ์กับความต้องการใช้งาน อาจทำให้มูลค่าผันผวนได้

นอกจากนี้ยังมีข้อพึงระวังอีกคือ Ether ไม่มีการจำกัดจำนวนเหรียญในระบบ แต่จะใช้วิธีการเผาเหรียญทิ้งเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อแทน จะต่างจาก Bitcoin ที่มีการกำหนดจำนวนที่แน่นอน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาเงินฝืดได้ในอนาคต

Ether หรือ Ethereum (ETH) เป็นเหรียญที่ผมให้น้ำหนักในการลงทุนสูงสุด เพราะด้วยความเป็นแพลทฟอร์มที่มีความยั่งยืน ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีการสร้างแพลทฟอร์มที่เหมือนกันตามมา แต่ด้วย London Upgrade ในเดือนสิงหาคม 2021 จะทำให้ความสามารถของ Ethereum มีความเร็วมากขึ้น ด้วยค่าธรรมเนียมที่น่าจะถูกลงโดยเฉลี่ย รวมถึง Ethereum 2.0 ที่กำลังจะเปลี่ยนโมเดลจาก Proof of Work มาเป็น Proof of Stake ยิ่งจะทำให้ Ethereum ไปได้ไกลกว่าคู่แข่งเป็นอย่างมาก ชิมได้ ลงทุนได้ ระยะยาว อร่อยสมความเป็นราชินีแห่งเหรียญแน่นอนครับ

ถ้าถามว่าหา Ethereum ชิมอย่างถูกกฏหมาย และได้รับความคุ้มครองจากกลต. สามารถเข้าไปชิมตามลิงก์นี้ได้เลย https://bit.ly/3qM1LkR

Update 08/04/2021 London Upgrade, EIP-1559

Written By

Yodfah

Head of Information Technology at Thai Optical Group plc., Digital Transformation Consultant, Crypto Bagman creator และ ผู้แปลเนื้อหาเกมและแอดมิน Pokémon Go Thailand League